วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2556

Amazon Seller - เพิ่มสินค้าเข้าร้าน

ในส่วนของการใส่รายละเอียดสินค้า จะแบ่งการใส่ข้อมูลต่าง ๆ ออกเป็นแถบย่อย ๆ ดังนี้นะครับ

แถบ Vital Info




   ตัวอย่างหน้านี้ เป็นสินค้าในหมวด Sporting Goods > Sports Related Merchandise > Sports Fan T Shirts  จะมีบังคับอยู่ 3  รายการก็คือ
-   Product Name  ก็คือ ชื่อสินค้านั่นเอง  จะปรากฎเป็นตัวหนาในหน้า รายการผลการค้นหา และใช้เป็นคำ Keyword หลักในการค้นหาด้วย
-   Manufacturer ผู้ผลิต หรือเจ้าของ
-   UPC or EAN รหัสประจำสินค้า หรือตัวเลขประจำ Bar Code วิธีหา ดูได้จากหน้านี้ครับ https://sellercentral.amazon.c...h?ie=UTF8&itemID=200211450

รายละเอียดช่องอื่น ที่ไม่มี ตัวดอกจันดีแดงอยู่ข้างหน้า แสดงว่าไม่บังคับ ไม่ใส่ก็ได้


แถบ Offer

   ข้อมูลในแถบนี้ จะเป็นราคา และปริมาณสินค้าของเราน่ะครับ



   Condition - สภาพของสินค้า ส่วนใหญ่ ก็ต้องเป็น New นี่แหละ
   Your Price  - ก็คือ ราคาที่เราจะขาย
   Quantity ก็คือ - ปริมาณ หรือจำนวนที่เรามี หรือเราจะขาย

   ส่วนข้อมูลที่ไม่บังคับ แต่ก็ควรใส่เอาไว้ก็คือ 
    Seller SKU -  รหัสสินค้า อันนี้เราสร้างรหัสเอง เอาไว้ให้เราจำหรือแยกสินค้าได้เอง ไม่ต้องใช้ค่ามาตรฐานใด ๆ หรืออาจจะใช้รหัสสินค้าของร้านที่เราไปซื้อมาขายก็ได้ เวลาไปซื้อมาจากร้าน จะได้เลือกได้ถูก
    Handling time - ระยะเวลาในการจัดเตรียมสินค้าก่อนส่ง ช่วยให้เรามีเวลาในการเตรียมสินค้า หรือบอกลูกค้าให้รู้ไว้

แถบ Images




กดที่ปุ่ม    หน้าต่างใหม่ จะ Pop-up ขึ้นมา



เลือก   เพื่อเลือกรูปที่จะ  Upload ได้มากที่สุด 9 รูป เมื่อครบที่ต้องการ ก็กดปุ่ม แล้วระบบ จะทำการ Upload รูปหลังที่เราใส่ค่าทั้งหมดแล้วสามารถ ใส่ข้อมูลหน้าถัดไปได้ โดยไม่ต้องปิดหน้าโหลดรูปนี้

  เรื่องรูปสินค้า Amazon มักจะมีข้อบังคับให้ใช้รูปสินค้าดังนี้
     1.   พื้นหลังเป็นสีขาวเท่านั้น
     2.   รูปสินค้าจะต้องกินพื้นมากกว่า 85% ของเนื้อที่ทั้งหมดของรูป
     3.   ห้ามนำสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาในรูปเด็ดขาด
     4.   ห้ามใส่ลายน้ำ ตัวอักษร หรืออะไรเข้าไปทั้งสิ้น
     5.   รูปต้องมีขนาดด้านใดด้านหนี่งมากกว่า 500px
อันนี้เป็นข้อกำหนดทั่วไป นะครับ แต่อาจจะมีบางหมวดที่เข้มงวดกว่านั้น

แถบ Description




   ข้อมูล หน้านี้ ก็ไม่บังคับ ว่าจะต้องใส่ แต่เป็นหน้าที่สำคัญ เพราะมันดันไปแสดงอยู่ในส่วนที่สำคัญ ต่อการตัดสินใจซื้อ ก็เลยเป็นการบังคับว่า ต้องมี

   ส่วนแรก Key Product Feature อันนี้ ที่สำคัญ เพราะมันไปอยู่ตรงตำแหน่งนี้ครับ



     ลูกค้า จะเห็นรายละเอียดสำคัญของสินค้าตรงนี้ และช่วยตัดสินใจ ว่าสินค้านี้สมควรที่จะซื้อหรือไม่
ข้อกำหนดในการใส่ Key Product Feature
1.ใส่ได้ทั้งหมด 5 ข้อ แต่เขาข้อมูลที่สำคัญที่สุดไว้อันแรก
   2. แต่ละข้อใส่ได้ไม่เกิน 200 ตัวอักษร แต่ก็ไม่ควรเกิน 80 จะดีกว่า
   3. ห้ามใส่เบอร์โทรศัพท์ โปรโมชั่นต่าง ๆ  อีเมลล์ หรือเวปไซต์ภายนอก
   ส่วน Description นั้นจะอยู่ด้านล่างลงไปหน่อย ต้องเลื่อนหน้าจอลงไปจึงจะเห็น อยู่ในหัวข้อ
Product Description สามารถใส่ได้ไม่เกิน 2000 ตัวอักษร ไม่สามารถกำหนดรูปแบบ สี การแสดงผลใด ๆ ได้เลย จะเป็นตัวอักษรติดกันไปตลอด
   ของตัวอย่างนี่ ก็เลยใส่ สั้น ๆ ง่าย ๆ ไปเลย




แถบ Keyword

   แถบนี้จะเป็นการกำหนด Keyword ที่ใช้กับระบบ Search ของ Amazon เพิ่มเติมจาก ตัว Keyword ที่ใช้ใน Product Name 
   สามารถใช้ Keyword มาใส่ลงใน ช่อง Search Terms ได้ทั้งหมด 5  ประโยค



ข้อ แนะนำของ Amazon ในการใส่ Keyword ก็คือใช้ คำที่ไม่ซ้ำกับ Product Name เพราะคำเหล่านี้ จะถูกใช้อยู่แล้ว ให้ใช้คำอื่น ๆ ที่คิดว่า ลูกค้าจะใช้
    ส่วน Platinum Keyword นั่นสำหรับผู้ขายระดับ Platinum เท่านั้น


แถบ More Detail 
   แถบ นี้ สำหรับเป็นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้า แต่ละหมวด ก็จะแตกต่างกันมาก เช่น หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็จะกล่าวถึงรายละเอียดทางเทคนิคต่าง ๆ แบตเตอรี่ที่ใช้รุ่นอะไร เสื้อผ้าก็เป็น ขนาดตามส่วนต่าง ๆ เช่น เอว คอ หรือว่าไซส์ต่างๆ มีขนาดเท่าไหร่บ้าง ไม่ขอพูดถึงครับ เพราะข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสินค้าส่วนใหญ่ ก็ใส่อยู่ในแถบอื่น เว้นแต่ว่าขยันก็ใส่กันได้เต็มที่เลยครับ


พอใส่ข้อมูลครบ ก็กด  Save and Finish ด้านล่าง ก็อันเสร็จสิ้น

 เนื่องจากทาง Amazon เป็นตลาดเสรี และเน้นด้านการแข่งขันของผู้ขายอยู่แล้วด้วย หากเรามีสินค้า ที่มีผู้ขาย ได้ขายสินค้านั้นอยู่แล้ว เราสามารถใส่รหัสสินค้านั้น หรือชื่อสินค้า ลงไปได้ ตั้งแต่หน้าแรกในช่อง Find it on Amazon ได้ทันที



   เช่น ถ้าเราใส่ Nike Shoe ลงไป แล้วก็กดปุ่ม Search



   รายการสินค้าที่มีขายอยู่ ก็จะแสดงออกมา หากสินค้าไหนที่ไม่อยู่ในหมวดที่ต้อง ได้รับการอนุมัติก่อน ก็จะมีปุ่ม อยู่ด้านหลัง ก็สามารถ กดที่ปุ่มนี้ได้เลย แต่ถ้ายังไม่ได้รับการอนุมัติ ก็จะแสดงไว้ว่า Sorry, the ability to create a listing for this item is restricted



   เมื่อเจอสินค้าที่เหมือนกับของที่เราจะขาย ก็กดปุ่ม Sell yours ได้ทันที แต่มีข้อแม้ว่า ต้องเหมือนเปี๋ยบเท่านั้น จะเป็นการลัดเข้าสู่หน้า Offer ทันที โดยที่หน้าอื่น เราไม่สามารถใส่รายละเอียดใด ๆ ได้เลย เพราะว่า เราจะขายสินค้าเดียวกัน




   หน้าอื่นก็ไม่สามารถใส่ข้อมูลได้



   นั่นก็คือ เราจะตัดราคากับเขา ว่างั้นเหอะ เพราะว่า เวลาลูกค้าหาสินค้าเจอ ระบบของ Amazon จะแสดงให้เห็นว่า มีผู้ขายกี่คนที่ขายอยู่ และจะเปรียบเทียบราคาให้เห็นกันจะจะแบบนี้




นั่นคือ ถ้ามั่นใจว่าขายถูกกว่า แล้วจะได้กำไร ใช้วิธีนี้ได้เลย
และผมก็คิดว่านี่แหละหนึ่งในเหตุผลที่ไม่ยอมให้ใส่ลายน้ำเจ้าของ เข้าไปในรูป

3 ความคิดเห็น:

  1. ลงของใน amazon แล้วมีคนมาขายตัดราคา

    ถ้าจะให้เราขายได้คนเดียวโดยไม่มีปุ่ม sell your here ต้องทำยังไงครับ

    ตอบลบ
  2. ระบบของ Amazon เน้นการแข่งขันกันของผู้ขาย เพื่อให้ผู้ซื้อได้ประโยชน์สูงสุดน่ะครับ
    ยังไง อันนี้ก็โดนบังคับให้มีทุกอัน เราก็ต้องเสนอบริการที่ดีกว่าให้ลูกค้ารู้สึกอยากซื้อจากเราน่ะครับ

    ตอบลบ
  3. พี่ครับคือผมงง ถ้าเราเลือก per Weight การคิดจะคิดเป็นแบบ $4.00 + ( น้ำหนัก x $1.00 ) ใช้ไม่ครับ แล้วถ้าใช้
    เวลาเราลงสินค้าจะมีให้ใส่น้ำหนักสินค้า ไม่ครับ ถ้าไม่มีให้ใส่ข้อมูล น้ำหนัก สินค้า ทาง Amazon คิดค่าส่ง ให้เรายังไงครับ จะรู้ได้ไงว่าน้ำหนักสินค้าที่เราลงขายน้ำหนักเท่าไร ขอบคุณครับ^^

    ตอบลบ